องค์การเภสัชกรรม รับผิดชอบชีวิต ผลิตยาคุณภาพ
วิสัยทัศน์องค์การเภสัชกรรม เป็นองค์กรหลักเพื่อความมั่นคงทางยาและเวชภัณฑ์ของประเทศที่ทันสมัยและยั่งยืน
การวิจัยและพัฒนา
องค์การเภสัชกรรมได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา โดยจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาของตนเองขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านต่างๆ ได้แก่ วิจัยและพัฒนาเภสัชกรรม (Pharmaceutical research and development), วิจัยเภสัชเคมีภัณฑ์ (Pharmaceutical chemistry research), วิจัยอุตสาหกรรมเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural product and pharmaceutical raw material research), วิจัยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology research), วิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์(Medical Science research), วิจัยมาตรฐานสมุนไพร (Phytochemical research) และมีกลุ่มสนับสนุนงานวิจัย (Research promotion group) ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มงานบริหารวิชาการ (Technical support unit), กลุ่มงานด้านศูนย์ข้อมูลสิทธิบัตรยา (Drug patent information center) และกลุ่มงานด้านธุรการ (Administration unit) เป็นกลุ่มงานที่ช่วยสนับสนุนให้การดำเนินการวิจัยมีความคล่องตัวมากขึ้น
การจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับงานวิจัย ซึ่งจะต้องพึ่งตนเองให้มากใน ทุกสาขาวิชา และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่โรงงานผลิตยาในประเทศ อันจะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ยาที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติ
การประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์
องค์การเภสัชกรรมมุ่งมั่นผลิตยาตามมาตรฐานวิธีการผลิตที่ดี สอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสากล สนองความต้องการของลูกค้า โดยมีกลไกที่สำคัญคือ ระบบการประกันและควบคุมคุณภาพที่เข้มแข็ง และเป็นอิสระ
ฝ่ายประกันคุณภาพได้สร้างระบบคุณภาพและมีการบริหารจัดการระบบคุณภาพ โดยเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกและควบคุมวัตถุดิบบรรจุภัณฑ์ที่จะนำมาใช้ในการผลิต การปฏิบัติงานที่ยึดมั่นในหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) ซึ่งเกี่ยวเนื่องตั้งแต่การออกแบบสถานที่ผลิต การดำเนินการผลิต การตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องมือเครื่องจักร ขบวนการผลิต วิธีวิเคราะห์การควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ระหว่างกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป การติดตามความคงตัวของผลิตภัณฑ์ที่ออกจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีการจัดการกับการเบี่ยงเบนในการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด การตรวจติดตามด้านคุณภาพ การให้ความสำคัญกับข้อร้องเรียนของลูกค้า ซึ่งทำให้ระบบคุณภาพโดยรวมมีประสิทธิภาพ และมีการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
องค์การเภสัชกรรมได้รับการรับรองมาตรฐานวิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 จนถึงปัจจุบัน และจะมุ่งมั่นพัฒนาด้านคุณภาพต่อไป เพื่อให้ได้การรับรองมาตรฐานการผลิตในระดับสากล โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
การบริการลูกค้า
องค์การเภสัชกรรมนำการบริหารคลังยาระบบ Vendor Managed Inventory, VMI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล งานด้านการบริการ สร้างความพึงพอใจความประทับใจให้แก่ลูกค้า เนื่องจากเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value added) ในผลิตภัณฑ์ โดยการเข้าไปช่วยบริหารจัดการ stock ยาของลูกค้าให้มี stock ยาที่เหมาะสม โดยการนำยาไปเติมเต็มให้เมื่อถึงจุดกำหนด (Reorder point)
ประโยชน์ที่ได้รับจากการบริหารคลังยาระบบ VMI คือ การลด stock, ลด inventory cost โรงพยาบาลมีความพึงพอใจ เนื่องจากลดปริมาณการสำรอง และมียาใช้เพียงพอตลอดเวลา โรงพยาบาลได้รับยาที่ผลิตใหม่ ลดการสูญเสียจากการทำลายยาที่โรงพยาบาลส่งคืนยาที่หมดอายุ โรงพยาบาลสามารถขยายจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการได้มากขึ้น เนื่องจากมีการบริหารคลังยาที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้งบประมาณเท่าเดิม ประเทศชาติลดการสูญเสียทรัพยากรจากการทำลายยาหมดอายุ รักษาสภาพแวดล้อม อันเนื่องจากมีการทำลายยาหมดอายุลดลง นอกจากนี้ระบบ VMI ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้ซื้อผู้ขายธรรมดากลายเป็นคู่ค้า (partner) ที่มีกิจกรรมต้องทำร่วมกันเพื่อลดต้นทุน นำไปสู่การร่วมมือกันพัฒนาปรับปรุงคุณภาพงานให้สูงขึ้น ทำให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับยาที่มีคุณภาพในราคาสมเหตุผล (reasonable price)
การตลาด
องค์การเภสัชกรรมกระจายผลิตภัณฑ์ออกสู่ประชาชนโดยผ่านช่องทางต่างๆ ลูกค้าหลักขององค์การฯ คือ โรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 10,000 แห่ง นอกจากนั้นประชาชนยังสามารถซื้อยาขององค์การเภสัชกรรมได้จากร้านขายยาทั่วไป ร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรมที่มีอยู่ 11 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ รวมทั้งกองทุนยาหมู่บ้าน ที่มีกระจายอยู่ทั่วไปในทุกจังหวัด
องค์การเภสัชกรรมดำเนินการด้านการตลาดโดยเน้นการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า โดยการพัฒนาระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management) ระบบสมาชิก มีการจัดตั้งศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ เปิดระบบโทรศัพท์สายตรง (Call Center) 1648 เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและให้บริการด้านการตลาดอย่างครบวงจร
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ความพร้อมของบุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรไปสู่เป้าหมายสูงสุด องค์การเภสัชกรรมให้ความสำคัญกับบุคลากร โดยได้พัฒนาความรู้ความสามารถ เพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันขององค์กร การฝึกอบรม สร้างเสริมประสบการณ์ รวมทั้งการนำเทคนิคในการบริหารจัดการเข้ามาใช้ อาทิ TQM, 5ส., Supply Chain, Competency ล้วนมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพและตระหนักในหน้าที่อันสำคัญของตนเอง ในการเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชนชาวไทย ที่จะช่วยให้ประชาชนได้มียาดีมีคุณภาพไว้ใช้อย่างมั่นใจ
ข้อมูลโดย กองประชาสัมพันธ์